ทำความรู้จัก 50 คำศัพท์หุ้นที่ใช้บ่อยแบบคุยได้ไม่ต้องงง!

บทคัดย่อ

  • คำศัพท์หุ้นพื้นฐานเป็นคำที่ใช้บ่อยในตลาดหุ้น เช่น IPO, SET, และหุ้นบลูชิพ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเข้าใจโครงสร้างตลาดและลักษณะของหุ้นแต่ละประเภทได้ดีขึ้น
  • คำศัพท์หุ้นสำหรับการเทรดช่วยให้นักลงทุนเข้าใจการส่งคำสั่งซื้อขาย เช่น Bid/Offer, ATO/ATC และแนวคิดสำคัญอย่าง Margin Call, T+2 และ Big Lot ซึ่งส่งผลต่อกลยุทธ์การลงทุน
  • คำศัพท์หุ้นสำหรับการวิเคราะห์พื้นฐานช่วยให้นักลงทุนประเมินมูลค่าหุ้น เช่น PE, EPS, ROE และ Dividend Yield ซึ่งใช้วัดความสามารถในการทำกำไรและผลตอบแทนจากการลงทุน
  • คำศัพท์หุ้นสำหรับการวิเคราะห์เทคนิคช่วยให้นักลงทุนเข้าใจพฤติกรรมราคา เช่น แนวรับ-แนวต้าน, Breakout, Pullback และ Cut Loss เพื่อกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายให้มีประสิทธิภาพ
  • คำศัพท์หุ้นในวงการเป็นศัพท์เฉพาะที่นักลงทุนใช้กัน เช่น “เด้ง” หมายถึงกำไรหลายเท่า, “ดอย” คือการติดหุ้นราคาสูง, “ขึ้นรถ-ตกรถ” หมายถึงโอกาสซื้อหุ้น, และ “เม่า” หมายถึงนักลงทุนรายย่อย

เคยไหมที่ฟังนักลงทุนคุยกันแล้วงงกับศัพท์หุ้นเต็มไปหมด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 50 คำศัพท์หุ้นที่ใช้บ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นศัพท์พื้นฐาน ศัพท์การเทรด ศัพท์วิเคราะห์หุ้น หรือศัพท์ที่ใช้กันในวงการ เพื่อให้คุณเข้าใจตลาดได้ลึกขึ้นในแบบที่ได้ยินคำศัพท์หุ้นเหล่านี้แล้วไม่ต้องงงอีกต่อไป!

1. คำศัพท์หุ้นพื้นฐาน

  • IPO (Initial Public Offering): การเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไป
  • เพิ่มทุน PP (Private Placement): การเพิ่มทุนโดยเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ส่วนใหญ่มักให้สิทธิกับผู้มีส่วนได้เสียในการทำธุรกิจ
  • เพิ่มทุน RO (Rights Offering): การเพิ่มทุนโดยเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ถ้ามีการเพิ่มทุนตามสิทธิ สัดส่วนผู้ถือหุ้นจะไม่เปลี่ยนไป
  • เพิ่มทุน PO (Public Offering): การเพิ่มทุนโดยเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป กรณีนี้ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไป คือถ้าผู้ถือหุ้นเดิมไม่จ่ายเงินเพิ่มทุน สัดส่วนในการถือหุ้นจะลดลง (Dilute)
  • SET (Stock Exchange of Thailand): ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ของไทย
  • MAI (Market for Alternative Investment): ตลาดสำหรับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง มีเงื่อนไขการเข้าจดทะเบียนเอื้อกับบริษัทขนาดเล็กมากกว่าตลาด SET
  • SET50: ดัชนีราคาหุ้นที่คำนวณจากหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker): มาตรการหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เพื่อลดความผันผวนของตลาด โดยจะพักการซื้อขาย 1 ชั่วโมงถ้า SET ปรับลดลงแตะ 10% ภายในวัน
  • หุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock): หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ มีชื่อเสียง และมีผลประกอบการที่ดี มักเป็นหุ้นที่มีราคาที่มีเสถียรภาพ
  • หุ้นปันผล (Dividend Stock): หุ้นที่บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
  • หุ้นเติบโต (Growth Stock): หุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง มักมีราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นตามผลประกอบการที่เติบโต แต่ก็มีความผันผวนสูงเช่นกัน

รวมคำศัพท์หุ้นพื้นฐานสำหรับการเทรดหุ้น

2. คำศัพท์หุ้นสำหรับการเทรด

  • Bid: ราคาที่นักลงทุนเสนอซื้อหลักทรัพย์ เป็นราคาที่ถ้าต้องการขายจะขายได้ที่ราคานี้เลย
  • Offer: ราคาที่นักลงทุนเสนอขายหลักทรัพย์ เป็นราคาที่ถ้าต้องการซื้อจะซื้อได้ที่ราคานี้เลย
  • Pre-Open: ช่วงเวลาก่อนตลาดเปิดทำการซื้อขายจริง ให้นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายได้ แต่คำสั่งยังไม่ถูกจับคู่ซื้อขายทันที ระบบจะนำคำสั่งทั้งหมดในช่วง Pre-Open ไปประมวลผลเพื่อหาราคาเปิดเมื่อตลาดเปิดทำการ
  • Call Market: ช่วงเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้มีการจับคู่คำสั่งในทันที แต่จะให้ผู้ซื้อและผู้ขายส่งคำสั่งเข้าไปในตลาดแล้วคำนวณราคาจับคู่คำสั่งซื้อขายเป็นรอบ ๆ พบในช่วงก่อนเปิดตลาดเช้า-บ่าย และช่วงปิดตลาด
  • ราคาเปิด ATO (At The Open): ราคาซื้อขายหลักทรัพย์แรกของวัน คำนวณมาจากราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายที่ส่งเข้าตลาดในช่วง Call Market ก่อนเปิดตลาด
  • ราคาปิด ATC (At The Close): ราคาซื้อขายหลักทรัพย์สุดท้ายของวัน คำนวณมาจากราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายที่ส่งเข้าตลาดในช่วง Call Market ก่อนปิดตลาด
  • วอลุ่ม (Volume): ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ลิ่ง (Ceiling): ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในวัน ซึ่งโดยปกติจะถูกจำกัดไว้ที่ 30%
  • ฟลอร์ (Floor): ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่ำสุดในวัน ซึ่งโดยปกติจะถูกจำกัดไว้ที่ -30%
  • MP (Market Price): ราคาตลาด คือราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์
  • ตั้งรอ/ต่อคิว: การตั้งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ล่วงหน้าโดยมีราคาซื้อที่ต่ำกว่าราคาตลาด หรือ มีราคาขายที่สูงกว่าราคาตลาด และถ้าราคาเหวี่ยงไปถึงราคาที่ตั้งไว้ คำสั่งก็จะถูกดำเนินการ
  • เรียกหลักประกัน (Margin Call): การที่โบรกเกอร์เรียกให้ลูกค้าเพิ่มหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้น เนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ในบัญชีลดลง
  • บัญชีแคช (Cash Account): บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนต้องมีหลักประกัน 20% และใช้วงเงินในการเทรด
  • บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance Account): บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่นักลงทุนที่ต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนส่งคำสั่งซื้อหุ้น
  • บัญชีมาร์จิ้น (Margin Account): บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่นักลงทุนสามารถใช้เงินกู้จากโบรกเกอร์เพื่อซื้อหลักทรัพย์ได้ และเสียดอกเบี้ยเพื่อเป็นค่าใช้บริการกับโบรกเกอร์ โดยนักลงทุนจะได้รับทั้งผลกำไรและขาดทุนทั้งหมด
  • T+2: ระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2 วันทำการหลังจากวันที่มีการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการซื้อหุ้นในวันพฤหัส จะมีการหักเงินชำระค่าซื้อหุ้นในวันจันทร์ถัดไป
  • แมทช์ออเดอร์ (Match Order): การจับคู่คำสั่งซื้อและขายที่ตรงกัน เพื่อทำการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยจะมีการยืนยันจำนวนหุ้นและราคาซื้อขายที่ชัดเจนตายตัว
  • บิ๊กลอต (Big Lot): การซื้อขายหลักทรัพย์ในปริมาณมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการซื้อขายผ่านกระดานซื้อขายพิเศษ แต่ยังสามารถเช็กได้จากโปรแกรมเทรด เช่น IFIS หรือเช็กจากเว็บไซต์ Settrade หลังปิดตลาด

รวมคำศัพท์หุ้นสำหรับการเทรดหุ้น

3. คำศัพท์หุ้นสำหรับการวิเคราะห์พื้นฐาน

  • PE (Price to Earnings Ratio): อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยินดีจ่ายเงินเท่าใดสำหรับกำไร 1 บาทของบริษัท ค่า PE สูงอาจหมายถึงหุ้นมีราคาแพงเมื่อเทียบกับกำไร
  • EPS (Earnings Per Share): กำไรต่อหุ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรเท่าใดต่อหุ้นที่ออกจำหน่าย ค่า EPS สูงขึ้นแสดงถึงผลประกอบการที่ดีขึ้น
  • ROE (Return on Equity): ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนของผู้ถือหุ้นได้เท่าใด ค่า ROE สูงแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุนที่ดี
  • Dividend: เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งนักลงทุนต้องดูเงื่อนไขการจ่ายปันผลของแต่ละบริษัท เนื่องจากไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
  • Dividend Yield: อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล แสดงให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลเป็นสัดส่วนเท่าใดของราคาหุ้น ยิ่งนักลงทุนซื้อหุ้นได้ราคาต่ำเท่าไหร่ จะมีโอกาสได้ Dividend Yield สูงขึ้นเท่านั้น
  • Yield: ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น อาจหมายถึง Dividend Yield หรือผลตอบแทนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น กำไรจากการขายหุ้น

รวมคำศัพท์หุ้นสำหรับการวิเคราะห์พื้นฐาน

4. คำศัพท์หุ้นสำหรับการวเคราะห์เทคนิค

  • แนวรับ (Support): ระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามา ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะหยุดลงหรือเด้งขึ้น
  • แนวต้าน (Resistance): ระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมา ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะหยุดขึ้นหรือปรับตัวลง
  • เบรคเอาท์ (Breakout): การที่ราคาหุ้นทะลุแนวต้านขึ้นไป หรือทะลุแนวรับลงมา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มใหม่
  • ย่อ (Pullback/Correction): การที่ราคาหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อยหลังจากปรับตัวขึ้นมา เป็นจุดที่ดีของการเข้าซื้อ
  • คัทลอส (Cut Loss): การตัดขาดทุน โดยการขายหุ้นออกไปเมื่อราคาลดลงถึงระดับที่กำหนดไว้ เพื่อจำกัดความเสียหาย โดยไม่รอให้ราคาหุ้นก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้นจนเกินกว่าที่คาดไว้
  • สเกาล์ป (Scalping): การซื้อขายหุ้นในระยะเวลาอันสั้นมาก ๆ โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงสั้น ๆ มักอาศัยจังหวะจากการเทรดในหุ้นที่มีวอลุ่มการซื้อขายมาก ๆ
  • เดย์เทรด (Day Trade): การซื้อขายหุ้นภายในวัน โดยปิดสถานะก่อนตลาดปิดและไม่ถือสถานะข้ามวัน มีข้อได้เปรียบที่ไม่ต้องเผชิญความผันผวนของการถือสถานะข้ามวัน

รวมคำศัพท์หุ้นสำหรับการวเคราะห์เทคนิค

5. คำศัพท์หุ้นในวงการ

  • เด้ง: ขนาดของกำไรที่ทำได้ คิดเป็นเท่า เช่น กำไร 2 เท่า เรียกหุ้น 2 เด้ง
  • ชาวไร่: นักลงทุนที่ชอบไล่ซื้อหุ้น จะมองซื้อเฉพาะหุ้นที่ราคาวิ่งแรง ๆ ทำให้ชอบซื้อหุ้นตอนราคาสูงและทำให้ติดดอยง่าย
  • ชาวสวน: นักลงทุนที่ชอบสวนตลาด เช่น หุ้นลงเยอะ ๆ ก็จะดักซื้อ หรือหุ้นขึ้นเยอะ ๆ ก็จะขายใส่ ซึ่งหลายครั้งเป็นการสวนแนวโน้มที่ทำให้ขาดทุนหนักหรือขายได้ที่ราคาต่ำเกินไป
  • ขายหมู: การขายหุ้นออกที่ราคาต่ำ ทำให้ขาดทุนหรือได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะขายได้แพงกว่านี้
  • ดอย: การติดหุ้นที่ราคาสูง ทำให้ขาดทุน หรือต้องกดดันกับการถือหุ้นแดงในพอร์ต
  • ติดคุก: หุ้นที่ร้อนแรงจนเข้ามาตรการติด Cash Balance ต้องใช้บัญชี Cash Balance ในการซื้อขายและต้องวางเงินเต็มจำนวนก่อน
  • ขึ้นรถ: การซื้อหุ้นตอนราคากำลังวิ่งขึ้น เหมือนการเรียกคนขึ้นรถที่กำลังจะออกตัว
  • ตกรถ: การพลาดโอกาสซื้อหุ้นเพราะราคาหุ้นวิ่งไปไกลแล้ว แต่นักลงทุนยังไม่ได้ซื้อหรือตั้งราคารอไว้แต่ราคาไม่ลงมาแมทช์
  • กอง: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด คือกองทุนรวม (Mutual Fund) หรือนักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor) ต่าง ๆ
  • ปอบ: นักลงทุนจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์หรือ Proprietary trading
  • หรั่ง: นักลงทุนต่างชาติ Foreign Investor
  • เม่า: นักลงทุนรายย่อยที่เทรดด้วยบัญชีและเงินทุนของตัวเอง Retail Investor
  • ถัว: การซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อราคาหุ้นลดลง เพื่อเฉลี่ยราคาต้นทุนการซื้อหุ้นไว้ที่ราคาต่ำ
  • ไม้: จำนวนครั้งที่ซื้อหุ้น เช่น หุ้นตัวนี้ถัว 3 ไม้ คือแบ่งซื้อ 3 ครั้ง

รวมคำศัพท์หุ้นในวงการ

สรุป

บทความนี้ได้รวบรวมคำศัพท์หุ้นที่สำคัญ ที่แบ่งออกได้เป็นหลายหมวดหมู่ ทั้งคำศัพท์หุ้นพื้นฐาน คำศัพท์หุ้นสำหรับการเทรด รวมถึงคำศัพท์หุ้นที่ใช้ในการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิค นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์หุ้นเฉพาะในวงการหุ้น ที่เป็นคำฮิตติดปากได้ยินกันบ่อย ๆ เช่น ติดดอย, ขายหมู, และขึ้นรถ ซึ่งศัพท์หุ้นเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสื่อสารได้เข้าใจกับเพื่อนในวงการมากขึ้นอย่างแน่นอน

อ้างอิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *