เลือกโบรกเกอร์ได้แล้วแต่ไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ? แค่ได้โบรกเกอร์ที่ชอบแล้วยังไม่พอ-ต้องมีบัญชีด้วย! การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์อาจดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่แต่ไม่ใช่เรื่องยาก บทความนี้จะพาคุณไล่เรียงทุกขั้นตอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่การสมัคร ยืนยันตัวตน ไปจนถึงการฝากเงิน เพื่อให้คุณพร้อมเริ่มต้นเทรดได้อย่างมั่นใจ มาดูกันว่าขั้นตอนต่อไปของคุณคืออะไร!
- การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ทำได้ 4 วิธี ได้แก่ (1) เปิดที่สาขา, (2) ส่งเอกสารทางไปรษณีย์, (3) สมัครผ่านเว็บไซต์, และ (4) ใช้แอปพลิเคชันโบรกเกอร์ ซึ่งวิธีสุดท้ายเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุด
- การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ผ่านแอปช่วยให้สมัคร, ยืนยันตัวตน และเริ่มลงทุนได้สะดวกรวดเร็วโดยใช้ Digital KYC และ NDID ลดขั้นตอนเอกสาร
- การฝากเงินเพื่อเริ่มต้นเทรด นักลงทุนสามารถโอนเข้าบัญชีโบรกเกอร์โดยตรงหรือทำ Bill Payment และยังใช้ ATS เพื่อหักบัญชีอัตโนมัติได้ด้วย
1. วิธีเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ เลือกแบบที่ใช่ ได้บัญชีแบบตอบโจทย์
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดบัญชีเพื่อเริ่มต้นการลงทุน ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธีตามความสะดวกของนักลงทุน โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. เปิดบัญชีที่สาขาของโบรกเกอร์หรือธนาคารในเครือ
สำหรับโบรกเกอร์ที่มีสำนักงานสาขา หรือเป็นบริษัทลูกของธนาคารใหญ่ คุณสามารถเดินทางไปที่สาขาเพื่อดำเนินการเปิดบัญชีได้ด้วยตัวเอง โดยเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น
- สำเนาบัตรประชาชน
- สมุดบัญชีธนาคาร
- เอกสารแสดงสถานะทางการเงิน (เฉพาะกรณีเปิดบัญชี Cash Account)
เมื่อยื่นเอกสารครบถ้วน เจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์จะดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และเปิดบัญชีให้คุณภายใน 3 – 5 วันทำการ ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจ และต้องการสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
2. ขอเอกสารเปิดบัญชีแล้วส่งกลับทางไปรษณีย์
หากคุณไม่สะดวกเดินทางไปที่สาขา สามารถติดต่อ Call Center ของโบรกเกอร์เพื่อขอรับเอกสารเปิดบัญชี โดยโบรกเกอร์จะจัดส่งชุดเอกสารไปยังที่อยู่ที่ให้ไว้ หลังจากได้รับเอกสารแล้วคุณต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พยายามอย่าให้มีจุดผิดเพื่อลดการต้องส่งเอกสารแก้ไขไปๆ มาๆ ซึ่งจะทำให้เสียเวลา
จากนั้นแนบเอกสารประกอบตามที่กำหนด และส่งกลับไปยังโบรกเกอร์ เมื่อตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว บัญชีของคุณจะถูกเปิดภายใน 3 – 5 วันทำการ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกแต่ยังไม่คุ้นเคยกับการเปิดบัญชีออนไลน์
3. เปิดบัญชีผ่านเว็บไซต์ของโบรกเกอร์
ปัจจุบันโบรกเกอร์หลายแห่งให้บริการเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัท โดยคุณสามารถกรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ได้ด้วยตัวเอง หลังจากยืนยันข้อมูลเรียบร้อยแล้ว โบรกเกอร์จะดำเนินการตรวจสอบและแจ้งผลการเปิดบัญชีภายใน 3 – 5 วันทำการ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องการเสียเวลาเดินทาง
4. เปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์
วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดในปัจจุบัน หลายโบรกเกอร์พัฒนาแอปพลิเคชันที่รองรับการเปิดบัญชีแบบ Digital KYC (Know Your Customer) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสมัคร เปิดบัญชี และยืนยันตัวตนได้ทันทีผ่านมือถือ โดยส่วนใหญ่จะรองรับบัญชี Cash Balance ซึ่งหมายความว่าคุณต้องฝากเงินเข้าบัญชีก่อนจึงจะเริ่มเทรดได้ เมื่อสมัครเสร็จ คุณจะได้รับบัญชีพร้อมใช้งานภายในเวลาอันสั้น วิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว
Figure วิธีเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ ทำได้ทั้งการเข้าไปเปิดที่สาขา เปิดผ่านไปรษณีย์ เปิดผ่านเว็บไซต์ และเปิดผ่านแอปพลิเคชัน
2. เจาะลึกวิธีเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์แบบเปิดปุ๊บได้ปั๊บ
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านมือถือ การเปิดบัญชีลงทุนก็เช่นกัน การเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันช่วยให้คุณสามารถสมัคร ยืนยันตัวตน และเริ่มลงทุนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย มาเจาะลึกกันว่าขั้นตอนเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ ตั้งแต่ติดตั้งแอปจนถึงการล็อกอินเพื่อเริ่มต้นการลงทุนมีอะไรบ้าง
1. ติดตั้งแอป
ขั้นตอนแรกคือการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ที่คุณเลือก โดยสามารถค้นหาและดาวน์โหลดได้จาก App Store (iOS) หรือ Google Play Store (Android)
วิธีการติดตั้งและลงทะเบียน
- เปิดแอปสโตร์ในสมาร์ทโฟนของคุณ ค้นหาชื่อแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ที่ต้องการ
- ติดตั้งแอปพลิเคชันและเปิดขึ้นมา
- เลือกเมนู “เปิดบัญชีใหม่” หรือ “ลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่”
เมื่อคุณเข้าสู่ระบบครั้งแรก แอปพลิเคชันจะนำคุณไปยังหน้าสำหรับการเปิดบัญชีลงทุน ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
Figure ขั้นตอนแรก ติดตั้งแอปพลิเคชันและเลือกลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่
2. เปิดบัญชีลงทุนและยืนยันตัวตน
การยืนยันตัวตนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้โบรกเกอร์สามารถตรวจสอบและป้องกันการแอบอ้างบุคคลอื่น ขั้นตอนนี้มีรายละเอียดดังนี้
2.1 ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์และลงทะเบียน
- กรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการใช้เชื่อมต่อกับบัญชีลงทุน ซึ่งจะใช้รับ OTP สำหรับการล็อกอินและยืนยันธุรกรรมการลงทุนที่ทำผ่านแอป/เว็บไซต์ของโบรกเกอร์
- กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อลงทะเบียน ประกอบด้วย ชื่อ ที่อยู่ ที่ทำงาน วันเดือนปีเกิด ฯลฯ
- ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ โดยระบบจะส่งรหัส OTP (One-Time Password) ไปยังหมายเลขที่ระบุ ให้นำรหัส OTP ที่ได้รับมากรอกในแอปให้ตรงกัน
Figure ขั้นตอนที่สอง ลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์และกรอกข้อมูลให้ครบ
2.2 ยืนยันบัญชีธนาคาร
- เลือกบัญชีธนาคารที่ต้องการใช้ผูกกับบัญชีลงทุน ซึ่งจะเป็นบัญชีสำหรับถอนเงิน
- ปัจจุบัน InnovestX รองรับการผูกบัญชีกับ 3 ธนาคาร ได้แก่ ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย และกรุงเทพ
- กรอกเลขที่บัญชีธนาคาร และยืนยันการเชื่อมต่อ
2.3 ยืนยันตัวตนผ่าน NDID (National Digital ID)
NDID เป็นระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลที่ช่วยให้การสมัครเปิดบัญชีรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม คุณสามารถยืนยันตัวตนผ่าน NDID ได้โดยทำตามขั้นตอนนี้
- แอปพลิเคชันจะให้คุณเลือกธนาคารที่คุณเคยลงทะเบียน NDID ไว้
- ระบบจะส่งข้อมูลไปที่แอปของธนาคารที่คุณเลือก ให้คุณเปิดแอปธนาคารนั้นเพื่อทำการยืนยันตัวตนซึ่งต้องใช้การสแกนใบหน้าร่วมด้วย
- เมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จ ระบบจะส่งข้อมูลกลับไปยังแอปของโบรกเกอร์โดยอัตโนมัติ ให้เลือกไปที่ขั้นตอนถัดไป
Figure ขั้นตอนที่สอง (ต่อ) เลือกบัญชีธนาคารที่ใช้ผูกกับบัญชีลงทุน และยืนยันตัวตนด้วย NDID
3. ตั้ง PIN ใช้งานแอป/ ทำ FATCA/ ผูก ATS
หลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งานแอป ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ
3.1 สร้างรหัส PIN สำหรับล็อกอินแอป
- ตั้งค่ารหัส PIN 6 หลัก เพื่อเป็นรหัสยืนยันเข้าใช้งานแอป
- บางแอปอาจรองรับการเข้าสู่ระบบด้วย Face ID หรือ Fingerprint เพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย
3.2 กรอกแบบสำรวจ FATCA และสถานะภาษี
- ตอบคำถามในแบบสำรวจ FATCA (Foreign Account Tax Compliance Act) ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับสถานะภาษีของนักลงทุน หากคุณมีสัญชาติอเมริกันต้องนำกำไรที่ได้ไปหักภาษีที่อเมริกาด้วย
- กรอกแบบสำรวจว่าคุณมี ถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศอื่นนอกสหรัฐฯ หรือไม่
3.3 ผูกบัญชี ATS (Automated Transfer System)
- ATS เป็นระบบที่ช่วยให้คุณสามารถโอนเงินเข้าและออกจากบัญชีลงทุนได้โดยอัตโนมัติ
- เลือกบัญชีธนาคารที่ต้องการใช้ในการฝากถอนเงิน
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และยืนยันการเชื่อมต่อบัญชี
Figure ขั้นตอนที่สาม สร้าง PIN ทำแบบสำรวจ FATCA และผูกบัญชี ATS
4. ทำแบบประเมินความเสี่ยงและความรู้การลงทุน
โบรกเกอร์ทุกแห่งจะต้องทำแบบประเมินเพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งมี 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่
4.1 แบบประเมินความเสี่ยงในการลงทุน
- เป็นแบบสอบถามที่ช่วยให้โบรกเกอร์เข้าใจว่าคุณยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
- ระบบจะจัดประเภทของคุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำ, ปานกลาง หรือสูง
- แบบประเมินนี้ช่วยให้คุณเข้าใจความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง เพื่อเลือกสินทรัพย์สำหรับการลงทุนต่อไป
4.2 แบบประเมินความรู้สินทรัพย์ดิจิทัล
- หากคุณสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น คริปโตเคอร์เรนซี) คุณต้องทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความเข้าใจ
- การเปิดบัญชีกับ InnovestX บังคับให้ต้องทำแบบประเมินนี้และต้องตอบถูกทุกข้อจึงจะผ่าน
4.3 ยืนยันการเปิดบัญชีและกำหนดวงเงินลงทุน
- หลังจากผ่านการประเมิน โบรกเกอร์จะแจ้งรายละเอียดประเภทบัญชีและวงเงินที่คุณสามารถลงทุนได้
Figure ขั้นตอนที่สี่ ทำแบบประเมินความเสี่ยงและความรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้นจะได้รับการยืนยันวงเงินบัญชี
5. การจัดการบัญชีลงทุนก่อนเริ่มใช้งาน
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเทรดหรือลงทุน โบรกเกอร์จะให้คุณทำขั้นตอนสุดท้ายเพื่อยืนยันตัวตนและจัดการบัญชี
5.1 ใส่โค้ดผู้แนะนำ (ถ้ามี)
- หากคุณเปิดบัญชีจากการแนะนำของเพื่อน คุณสามารถใส่โค้ดผู้แนะนำได้
- หากคุณมีคนรู้จักเป็นที่ปรึกาการลงทุนและต้องการให้เข้ามาดูแลพอร์ตของคุณ ก็สามารถระบุชื่อที่ปรึกษาการลงทุนที่คุณรู้จักได้
5.2 ยืนยันตัวตนผ่านอีเมล
- โบรกเกอร์จะส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลที่คุณลงทะเบียนไว้
- เปิดอีเมลแล้วคลิกลิงก์ยืนยันตัวตน
5.3 สร้างและยืนยันรหัสผ่านสำหรับใช้งานเว็บเทรด
- นอกจากล็อกอินแอปพลิเคชัน คุณจะต้องตั้งค่ารหัสผ่านสำหรับใช้เข้าสู่ระบบเว็บของโบรกเกอร์
- รหัสผ่านควรมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษรและมีทั้งตัวเลข ตัวอักษร และอักขระพิเศษเพื่อความปลอดภัย
Figure ขั้นตอนที่ห้า จัดการบัญชีก่อนเริ่มลงทุนด้วยการยืนยันอีเมล และสร้างรหัสผ่านสำหรับการใช้งานแอป
6. ล็อกอินเข้าใช้งานและเริ่มต้นการลงทุน
เมื่อทุกขั้นตอนข้างต้นเสร็จสิ้น คุณสามารถเข้าสู่ระบบด้วยรหัส PIN ที่ตั้งค่าไว้ และเริ่มต้นใช้งานบัญชีลงทุนได้ทันที
สิ่งที่คุณสามารถทำได้หลังเปิดบัญชีสำเร็จ
✅ ฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มต้นลงทุน
✅ ซื้อขายหุ้น, กองทุนรวม หรือสินทรัพย์ดิจิทัล
✅ ใช้เครื่องมือต่างๆ ของแอป เช่น การวิเคราะห์กราฟ และข่าวสารตลาด
3. ฝากเงินเข้าพอร์ตเตรียมบัญชีให้พร้อมสำหรับการเทรด
การฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการลงทุนนั้นมีหลายวิธีให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีแตกต่างกันไปขึ้น มาดูกันว่ามีวิธีการฝากเงินเข้าบัญชีหุ้นแบบไหนที่ตอบโจทย์ความสะดวกของคุณบ้าง
1. ฝากเงินเข้าบัญชีของโบรกเกอร์ (เพื่อลูกค้า) โดยตรง
ข้อดี: มีหลายช่องทางให้เลือก
ขั้นตอน:
- เลือกช่องทางการโอนเงินที่ทำได้ทั้ง ผ่านตู้ ATM / เคาท์เตอร์ธนาคาร / mobile banking
- ตรวจสอบเลขที่บัญชีโอนเงินปลายทางที่จะลงท้ายด้วย (เพื่อลูกค้า)
- ส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมแจ้งบัญชีเลขที่บัญชีหุ้นต้องการโอนเข้า (ที่จะบอกว่าเข้าบัญชี Cash Balance/ Cash Account)
- ใช้เวลาประมาณ 10 – 30 นาทีเพื่อให้ได้วงเงินเข้าบัญชีสำหรับเทรด
📌 บางธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน เช่น การโอนเงินผ่าน ATM หรือการโอนเงินต่างธนาคาร
2. ฝากเงินผ่าน Bill Payment
ข้อดี: ใช้งานง่าย โอนแล้วได้วงเงินเข้าบัญชีแทบจะทันที
ขั้นตอน:
- ล็อกอินเข้าสู่ระบบ Mobile Banking/ Internet Banking ของธนาคารที่คุณใช้
- เลือก “ชำระบิล”
- ค้นหาและเลือก “บริษัทหลักทรัพย์” ที่คุณใช้บริการ
- กรอกเลขที่บัญชีหุ้น จำนวนเงินที่ต้องการโอน และกดยืนยัน
✅ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝากเงินโดยไม่ต้องออกจากบ้าน ฝากแล้วได้เงินเข้าบัญชีทันที
3. ฝากเงินผ่านระบบ ATS
ข้อดี: สะดวก ไม่ต้องโอนเงินเองทุกครั้ง
ขั้นตอน:
- ติดต่อบริษัทหลักทรัพย์หรือล็อกอินเข้าแอปเพื่อทำเรื่องขอหักบัญชีแบบอัตโนมัติ (ATS)
- กรอกข้อมูลการหักเงินและจำนวนที่ต้องการหัก
- รอให้โบรกเกอร์ทำเรื่องหักเงินจากบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ และจะได้เงินเข้าพอร์ตทันที
📌 ใช้ได้เฉพาะบัญชีที่สมัครบริการ ATS ไว้
การฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มลงทุนทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเลือกฝากเงินเข้าบัญชีแบบไหนก็สามารถเตรียมบัญชีให้พร้อมเทรดได้ภายในไม่กี่นาที เลือกวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับคุณ และเริ่มต้นการลงทุนได้เลย!
สรุป เลือกโบรกได้แล้วเปิดบัญชีให้พร้อมทันใจทำได้ง่าย ๆ ในไม่กี่นาที
หลังจากเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดบัญชีเพื่อเริ่มต้นการลงทุน โดยมี 4 วิธีหลักให้เลือก ได้แก่
- เปิดบัญชีที่สาขาของโบรกเกอร์หรือธนาคาร ต้องเตรียมเอกสารและใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการ
- ขอเอกสารเปิดบัญชีและส่งกลับทางไปรษณีย์ ใช้เวลามากกว่า 3-5 วัน แต่เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไปที่สาขา
- เปิดบัญชีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ – สะดวกและรวดเร็วขึ้น
- เปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ – ใช้ระบบ Digital KYC ทำให้เปิดบัญชีได้ภายในไม่กี่นาที
การเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปของโบรกเกอร์
- ยืนยันตัวตนผ่านเบอร์โทรศัพท์, บัญชีธนาคาร และ NDID
- กรอกแบบสำรวจความเสี่ยงและความรู้การลงทุน
- ยืนยันตัวตนและกำหนดรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งาน
ขั้นตอนฝากเงินเข้าบัญชีลงทุน
หลังจากเปิดบัญชีสำเร็จ ต้องฝากเงินเข้าพอร์ตผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ใช้ ATM, Internet Banking, Mobile Banking, เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีโบรกเกอร์โดยตรง (ต้องแจ้งโอนเงินและใช้เวลา) หรือใช้ Bill Payment ที่ให้เงินเข้าบัญชีหุ้นทันที นอกจากนี้ยังใช้ ATS หักบัญชีเงินฝากเข้าบัญชีลงทุนได้แบบอัตโนมัติด้วย
เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จสิ้น นักลงทุนสามารถล็อกอินเข้าใช้งานและเริ่มต้นเทรดได้ทันที