ตลาดหุ้นไทย คืออะไร
- ตลาดหุ้นไทย หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นศูนย์กลางสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่มีความหลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร และหลักทรัพย์อื่นๆ ในประเทศไทย เป็นต้น
- SET มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ผ่านการเข้าถึงทุนของบริษัทต่างๆ และเพื่อให้มีการซื้อขายที่โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ การจัดตั้งขึ้นมา ด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นสถานที่ให้บริษัท และนักลงทุนสามารถพบปะแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ ได้อย่างเป็นธรรมและมีความเชื่อมั่น
- หลักทรัพย์ที่ซื้อขายใน SET ถูกจำแนกตามประเภทต่างๆ เช่น หุ้นที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียน และหนี้สิน นอกจากนี้ยังมีกฎระเบียบ และมาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดขึ้น เพื่อควบคุมและประกันความโปร่งใสในการดำเนินการ
- SET ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตลาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการศึกษา และการส่งเสริมการลงทุน ทำให้เป็นส่วนสำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และการเข้าถึงทุนสำหรับบริษัทต่างๆ

ประวัติตลาดหุ้นไทย
ประวัติการก่อตั้งตลาดหุ้นไทย เริ่มต้นจากการเสนอ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับแรก ในปี พ.ศ. 2504 -2509 เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคง โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
ตลาดหุ้นแรกของไทย
- ตลาดหุ้นแรกของไทย เริ่มต้นในปี พ.ศ.2505 ในชื่อ “ตลาดหุ้นกรุงเทพฯ” ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำกัด และในปีถัดมา ได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทจำกัด
- แต่ตลาดหุ้นกรุงเทพฯ ตลาดนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล และความเข้าใจ เกี่ยวกับตลาดหุ้นในหมู่ประชาชน
การส่งเสริมการสร้างตลาดทุนโดยรัฐบาล
- ในช่วงปี พ.ศ. 2510 ถึง พ.ศ. 2514 รัฐบาลได้เสนอการสร้างตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการควบคุมอย่างดี เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ในปี พ.ศ. 2517 จึงได้มีการออกกฎหมาย เพื่อจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การเริ่มต้น และการดำเนินการอย่างเป็นทางการ
- ในปี พ.ศ. 2518 ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ ซึ่งในวันแรกมีบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 8 บริษัท
- และ 5 ใน 8 บริษัทในวันนั้น ยังคงอยู่ในตลาดหุ้นไทยมาถึงทุกวันนี้ ได้แก่ Bangkok Bank (BBL), Bangkok Dusit Medical Services (DUSIT), Siam Cement Group (SCC), และ Thai Capital (TCAP)
การพัฒนาและการขยายตัว
- หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ได้เติบโตและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีการใช้ระบบการซื้อขายแบบคอมพิวเตอร์ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2534
- และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ใหม่ๆ รวมถึงการอนุญาตให้นักลงทุนไทย สามารถลงทุนต่างประเทศได้โดยตรง เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551

การรับมือกับความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลง
- แม้ในการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีความท้าทายหลายอย่าง เช่น การเติบโตที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 แต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังคงพัฒนาและปรับตัว เพื่อเพิ่มศักยภาพและความน่าสนใจ ให้กับนักลงทุน และบริษัทจดทะเบียน
- โดยมีความมุ่งหวัง ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป สามารถเป็นผู้ถือหุ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศได้
การเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เคยมีบทบาท เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการลงทุนของอาเซียน
- โดยมีมูลค่าตลาด และปริมาณการซื้อขายที่สูง แต่ข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน อาจต้องพิจารณาจากมุมมองการเติบโต และความร่วมมือในระดับภูมิภาค รวมถึงการเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน

พัฒนาการของตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทย ถือว่า มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น มาจนถึงปัจจุบัน และเคยเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียนมาแล้ว โดยพัฒนาการของตลาดหุ้นไทยนั้น จะแบ่งเป็น 2 ยุคสมัย คือ ยุคของตลาดหุ้นกรุงเทพ (Bangkok Stock Exchange) และยุคของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้

ยุคของตลาดหุ้นกรุงเทพ (Bangkok Stock Exchange)
- ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2505 มีการเริ่มต้นจัดตั้งตลาดหุ้นของไทยขึ้น โดยเริ่มจากรูปแบบห้างหุ้นส่วน จำกัด ในปีต่อมาได้มีการจดทะเบียน จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัด ภายใต้ชื่อว่า “ตลาดหุ้นกรุงเทพ” หรือ Bangkok Stock Exchange
- ในการจัดตั้งตลาดหุ้นไทยครั้งนั้น มีการจัดตั้งที่ดี แต่การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นกรุงเทพนั้น กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จึงมีอัตรามูลค่าการซื้อขาย ดังนี้
- ในปี พ.ศ.2511 มีมูลค่าการซื้อขายน้อย มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 160 ล้านบาทเท่านั้น
- ในปี พ.ศ.2512 ก็มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 114 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นการซื้อขายที่มีปริมาณลดลงถึง 46 ล้านบาท
- และยังคงมีมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ.2513 มูลค่าการซื้อขายลดลงอีก 28 ล้านบาท
- ในปี พ.ศ.2514 การซื้อขายหุ้นกู้มีมูลค่าถึง 87 ล้านบาท
- และในปี พ.ศ.2515 การซื้อขายหุ้นก็ยังคงไม่เป็นที่สนใจเช่นเคย จึงมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นถึงจุดต่อสุด เพียงแค่ 26 ล้านบาทเท่านั้น
- จึงทำให้ในที่สุดตลาดหุ้นกรุงเทพก็ต้องปิดกิจการลง ในปี พ.ศ. 2515
- ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดหุ้นกรุงเทพ เป็นธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขาดแรงสนับสนุนจากทางภาครัฐ และประชาชนเองก็ยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย
- ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ตลาดหุ้นกรุงเทพอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ และปิดตัวลง แต่แนวความคิด และความตั้งใจเกี่ยวกับการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ยังคงอยู่
- ซึ่งแผนพัฒนา เศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ. 2510 – 2514 จึงได้มีการเสนอแผน การจัดตั้งตลาดทุนหลักทรัพย์นี้ขึ้นมาเป็นครังแรก เป็นการจัดตั้งอย่างมีระบบระเบียบ และทางรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ประชาชนหันกลับมาให้ความสนใจกันอีกครั้ง และสนใจกันมากขึ้นกว่าเดิม
- โดยในครั้งนี้ได้มีเครื่องมืออำนวยความสะดวก และมาตรการต่างๆ สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เหมาะสมขึ้น ในปี พ.ศ. 2512
- ทางรัฐบาลได้ทำการติดต่อ ศาสตราจารย์ซิดนีย์ เอ็ม รอบบิ้นส์ ศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาการเงิน จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อหาช่องทางการพัฒนาตลาดหุ้นไทยให้คงอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน

ยุคของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ในปี พ.ศ. 2515 รัฐบาลได้เริ่มเข้ามากำกับดูแล มีบทบาทโดยเริ่มต้นจากการแก้ไข “ประกาศคณะปฏิวัติ ที่ 58 เกี่ยวกับการควบคุมธุรกิจ การค้าที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ ของประชาชน” ซึ่งการแก้ไขนี้ได้ส่งผลให้รัฐบาลเอง มีความสามารถในการกำกับดูแลบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆ ทำให้การดำเนินงานในครั้งนี้ มีระเบียบควบคู่กับความยุติธรรม
- ในปี พ.ศ. 2517 รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 มีวัตถุประสงค์ชัดเจน คือ เพื่อจะจัดให้มีจุดศูนย์กลางสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์ และส่งเสริมการระดมเงินทุนในประเทศด้วย
- ในปี พ.ศ. 2518 ทางรัฐบาลได้มีการแก้ไข บทบัญญัติเกี่ยวกับรายได้ มุ่งเน้นให้ผู้ที่มีเงินออม สามารถนำมาลงทุนในตลาดทุนได้
- วันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2518 เป็นวันที่รูปแบบทางกฎหมาย มีการปรับแก้จนลงตัว เป็นที่ยอมรับกันแล้ว ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ชื่อภาษาอังกฤษตอนนั้น คือ The Securities Exchange of Thailand จึงได้มีการเปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยให้ประชาชนได้ทำการซื้อขายกันเป็นครั้งแรก
- วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2534 ได้มีการเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษ จาก The Securities Exchange of Thailand มาเป็น The Stock Exchange of Thailand หรือ SET นั่นเอง

มูลค่าซื้อขาย 10 อันดับ ในตลาดหุ้นไทย ปี 67
ปัจจุบัน ในตลาดหุ้นไทย มีหุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างถูกกฎหมาย มากกว่า 700 ตัว ทำให้มีตัวเลือกในการซื้อขายหุ้นค่อนข้างมาก จึงมีการจัดอันดับหุ้นที่มีความน่าสนใจ และมีมูลค่าการซื้อขายมาก 10 อันดับขึ้นมา โดยหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขาย 10 อันดับ มีดังนี้
อันดับที่ 1 PTTEP
- บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
- ดำเนินธุรกิจสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย และความต้องการใช้พลังงานของประเทศที่เข้าไปลงทุน
อันดับที่ 2 ADVANC
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
- ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม โดยรวมถึงธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส
อันดับที่ 3 KBANK
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- เป็นธนาคารพาณิชย์ ที่ให้บริการแก่ ลูกค้าบุคคล เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจต่างประเทศ ดำเนินกิจการมาแล้วกว่า 70 ปี
อันดับที่ 4 CPALL
- บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน)
- ประกอบธุรกิจหลัก ประเภทร้านค้าสะดวกซื้อ ภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven
อันดับที่ 5 AOT
- บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.
- เป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย ธุรกิจหลักของ ทอท.ประกอบด้วยการจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน
อันดับที่ 6 TOP
- บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
- เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียม ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
อันดับที่ 7 VGI
- บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)
- เป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่
- ธุรกิจสื่อโฆษณา
- ธุรกิจบริการชำระเงิน
- ธุรกิจโลจิสติกส์
อันดับที่ 8 SCB
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทย โดยคนไทย ซึ่งให้บริการด้านการเงินแก่ลูกค้าต่างๆ ทั้งลูกค้ารายบุคคล ลูกค้าประเภทธุรกิจ และลูกค้าประเภทธุรกิจขนาดใหญ่
อันดับที่ 9 KTB
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- เป็นธุรกิจการเงิน การธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยมีสาขาอยู่ทั่วภูมิภาค ทั่วไทย
อันดับที่ 10 BBL
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- เป็นธุรกิจการเงิน การธนาคารพาณิชย์ ที่มุ่งให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME ไปจนถึงฐานลูกค้ารายบุคคล ปัจจุบันมีสาขาย่อยทั่วประเทศ

ช่องทางการติดต่อของการบริการต่างๆ
บริการผู้ลงทุน
- สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนักลงทุน
- ติดต่อ : SET Contact Center
- Email: SETContactCenter@set.or.th
- โทร 0 2009 9999
- สมัครใช้บริการข้อมูลหลักทรัพย์
- ติดต่อ : ฝ่ายธุรกิจข้อมูล
บริการบริษัทจดทะเบียน
- บริการข้อมูลการเข้าจดทะเบียน
- ติดต่อ: สายงานผู้ออกหลักทรัพย์
- โทร: 0 2009 9888
- บริการนายทะเบียนหลักทรัพย์
- ติดต่อ: ฝ่ายนายทะเบียนหลักทรัพย์
- Email: srg_tsd@set.or.th
บริการบริษัทสมาชิก และ Custodians
- งานให้คำแนะนำเบื้องต้น เกี่ยวกับการสมัครสมาชิกใหม่
- ติดต่อ: ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและผลิตภัณฑ์
- Email : Client&ProductSupportDepartment@set.or.th
- งานดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกำหนด และวิธีปฏิบัติงานของบริษัทสมาชิก SET และ TFEX รวมถึงการรับสมาชิก
- ติดต่อ: ฝ่ายกำกับบริษัทสมาชิก
- โทร: 0 2009 9312-21
- Email : MemberSupervisionDepartment@set.or.th
- บริการรับฝากหลักทรัพย์ งานชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์
- ติดต่อ: ฝ่ายพัฒนาธุรกิจหลังการซื้อขาย
- โทร: 0 2009 9527, 9529
- Email : PosttradeBusinessDevelopment@set.or.th
- บริการงานทะเบียนเจ้าหน้าที่รับอนุญาต (Trader)
- ติดต่อ : ฝ่ายปฏิบัติการซื้อขาย
- โทร : 0 2009 9000 ต่อ 9322, 9323 และ 3584
- Email : SETandTFEX_Trader@set.or.th

-
-
บริการงานการเงิน
- งานการเงิน-ด้านจ่ายเช็ค
- ติดต่อ : ฝ่ายจัดการการเงิน
- โทร: 0 2009 9694-95, 97-98
- Email: Finance_ap@set.or.th
- สถานที่รับเช็ค
- ศูนย์จ่ายเช็คธนาคาร Citi Bank พระราม 3 อาคารเอสวีเซ็นเตอร์ ชั้น 2
- เคาเตอร์จ่ายเช็คธนาคาร Citi Bank สีลม อาคารวรวัตร ชั้นใต้ดิน
- งานการเงิน-ด้านรับเงิน
- ติดต่อ : ฝ่ายจัดการการเงิน
- โทร: 0 2009 9000 ต่อ 3571-2, 9673, 9693
- Email: Finance_receive@set.or.th
- งานการเงิน-ด้านจ่ายเช็ค
-